Monday, July 30, 2007

Vocabulary : Condition (คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไข)

มีตำราเล่มหนึ่ง ชื่อ "Check your vocabulary for English for the IELTS examination" workbook for the students ของคุณ Rawdon Wyatt ซึ่งเค้าได้แบ่งหมวดคำศัพท์ออกเป็นกลุ่ม ๆ ที่ใช้บ่อย ๆ ในการสอบ...
จะพยายามอ่านสลับกับการทำข้อสอบดูนะคะ...เพราะว่าศัพท์นี่ก็สำคัญ...เวลาเขียน เวลาอ่านจะได้เข้าใจ ใช้คำศัพท์ดี ๆ ได้มากขึ้น.....

ลองดูในหมวดคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับ เงื่อนไข Condition ต่่าง ๆ ที่มักจะพบในส่วนของ Reading หรือใช้ในการเขียน Essay ดูค่ะ...

IF สามารถแทนด้วยหลายตัวค่ะ เช่น provide that, as long as, unless , on condition that, no matter how, however many, wherever แต่ต้องมีการปรับรูปประโยคนิดหน่อย ยกตัวอย่างดังนี้ค่ะ...

1. You can borrow my dictionary if you return it before you go home
    • Provide that you return it before you go home, you can borrow my dictionary
2. You can't go to university if you don't have good grades.
    • You can't go to university unless you have good grades.
3. Pollution will get worse if we continue to live in a throwaway society.
    • Pollution will get worse as long as we continue to live in a throwaway society.
4. Many developed countries are willing to waive the Third World dept if the money is reinvested ineducation and medicine.
    • Many developed countries are willing to waive the Third World dept on condition that the money is reinvested ineducation and medicine
5. Some countries will never be able to rectify their deficits even if they work very hard.
    • Some countries will never be able to rectify their deficits, no matter how hard they work
6. Computers are difficult things to understand, even if you read a lot of books about them.
    • Computers are difficult things to understand, however many books you read about them.
7. Crime is a problem, even if you go to relatively safe countries.
    • Crime is a problem, wherever you go .
.....

Friday, July 27, 2007

Plan, Write and Revise : Writing essay

การเขียน Essay จะประกอบด้วยการ...
  1. Plan - วางแผนการเขียน
  2. Write - ลงมือเขียน
  3. Revise - ตรวจสอบ แก้ไข
โดยจากหลักสามประการนี้แบ่งออกเป็นขั้นตอนย่อย ๆ ได้อีก 12 ขั้นตอน

12 ขั้นตอนการเขียน Essay >>> 5 ขั้นแรกจะอยู่ในส่วนของการวางแผน

Plan- วางแผนการเขียน
  1. อ่านหัวข้อ /โจทย์
  2. ตีความว่าโจทย์ต้องการให้ทำอะไร
  3. เขียนคำตอบที่เป็นแนวคิดหลักของเรา (thesis statement)
  4. เขียนแนวคิดรองอื่น ๆ (General idea)
  5. แตกแนวคิดต่าง ๆ ออกเป็นรายละเอียด (Specific Detail)
Write - ลงมือเขียน

6. เขียนประโยคที่เป็นหัวข้อหลัก(Topic sentence)ในแต่ละย่อหน้า (introduction,body,conclusion)
7. เขียนย่อหน้าแรก Introduction
8. เขียนย่อหน้าที่สอง Body (อาจแตกเป็นหลายย่อหน้า)
9. เขียนย่อหน้าสุดท้ายที่เป็นบทสรุป(conclusion)

Revise
- ตรวจสอบ แก้ไข

10. ตรวจสอบเนื้อหา
11. ตรวจสอบความสอดคล้องกันของแต่ละประโยค เช่น มี strucure parallel หรือไม่
12. ตรวจสอบการเว้นวรรคและสะกดคำ

Sunday, July 22, 2007

เคล็ดลับ IELTS - The Reading Module 5

มาต่อกันอีกนิดหน่อยในส่วนขอ Reading ก่อนจะไป Writing นะคะ

Time Management
  • หากเราเจอบทความที่มีศัพท์เทคนิคเยอะ ๆ และเราไม่เข้าใจอย่าเพิ่งท้อค่ะ...ให้ข้ามคำศัพท์ยาก ๆ ไปก่อนพยายามทำความเข้าใจทั่วๆ ไปว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ไม่จำเป็นต้องแปลได้ทั้งหมด
  • เมื่อเราดูคำถามและตัวเลือกแล้ว ก็จะสามารถบอกได้ว่าจะหาคำตอบได้จากที่ไหน ค่อยกลับมาดูอีกที
Final Warning

Hedge Phrases Revisited

  • ส่วนใหญ่คำตอบที่ผิดมักจะอ่านแล้วทำให้ตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ไม่มีข้อยกเว้นให้เป็นอย่างอื่นได้ (leave no room for exception แปลไม่สื่อขออภัยค่ะ) เช่น
Animals live longer in cold places than animals in warm places.

คำตอบนี้ ตีความได้ว่าบอกว่าสัตว์ทุกประเภทที่อยู่ในที่อากาศเย็นอายุยืนกว่าอากาศอบอุ่นโดนไม่มีข้อยกเว้น.ประโยคนี้ ทำให้ไม่สามารถตีความได้เป็นอย่างอื่น ซึ่งเป็นคำตอบที่ผิด ....

คำตอบที่ถูกมักจะมีคำบางคำที่ำทำให้เกิดข้อยกเว้น เช่น....คำว่า.....such as likely, may, can, will, often, sometimes, etc, often, almost, mostly, usually, generally, rarely,sometimes ....เช่น

In severe cold, a polar bear cub is likely to survive longer than an adultpolar bear.

คำตอบนี้เป็นคำตอบที่ถูก เพราะ ไม่เพียงบอกว่าสัตว์ที่อายุน้อยกว่าสามารถมีชีวิตอยู่ได้ดีในอากาศหนาวเย็นเท่านั้นแต่ยัง แต่คำว่า likely ทำให้เกิดข้อยกเว้นว่า อาจจะมีที่ไม่รอดก็เป็นได้..

Word Usage Questions

เมื่อในคำถามถามถึงหมายหมาย หรือการใช้คำำ ในประโยค แสดงว่าคำนั้นมีความหมายอะไรพิเศษ หรือใช้แตกต่างจากที่เรารู้ หรือแตกต่างจากความหมายที่เค้าใช้กันทั่วไป ....ให้กลับไปดู Context ของคำนั้น ๆ เพื่อหาความหมาย...ที่ถูกต้อง อย่าตอบทันทีตามที่เราจำได้


Switchback Words

ให้ระวังคำที่เ่ป็น “switchbacks”. ซึ่งใช้เพื่อเปลี่ยนความคิด คำที่ใช้บ่อยเช่น but ,although, however, nevertheless, on the other hand, even though,while, in spite of, despite, regardless of.

Avoid “Fact Traps”

เมื่อเราพบว่าคำตอบจะหาได้จากย่อหน้าไหนแล้ว อย่าติดกับ กับตัวเลือกที่มักจะเป็นข้อเท็จจริง หรือบทสรุปของย่อหน้านั้น ๆ ที่มีคำตอบอยู่ ให้เราหมั่นไปอ่านโจทย์ เพื่อดูว่าข้อนั้นตอบคำถามจริง ๆ หรือไม่ เพราะคำตอบอาจจะอยู่ในบางส่วนของย่อหน้านั้น...

---

เคล็ดลับ IELTS - The Reading Module 4

Answer the Questions
  • อย่าเลือกตอบคำถามที่เราอ่านแล้วดูดี เหมือนว่าจะถูก เพราะตัวเลือกบางข้อก็ตั้งใจทำให้เราเข้าใจว่าเป็นคำตอบ เพราะฉะนั้นเมื่อตัดสินใจเลือกข้อไหนแล้ว ให้ย้อนกลับไปอ่านคำถาม อีกครั้งว่าคำตอบที่เราเลือก ตอบคำถามตรง แล้วหรือไม่
ฺำืBenchmark
  • เมื่ออ่านตัวเลือกแต่ละตัวให้พยายามเปรียบเทียบกันด้วย
  • เมื่ออ่านตัวเลือกแรก และคิดว่าไม่น่าจะถูกให้อ่านตัวที่สองเปรียบเทียบกับตัวแรกถ้าตัวที่สอง ไม่น่าจะถูกมากกว่า ก็เปรียบเทียบตัวแรกกับตัวถัดไป ไปเรื่อย ๆ จะเหลือตัวเลือกที่เราคิดว่าจะถูกไว้ในใจเราอาจจะ 1-2 ตัว แล้วค่อยพิจารณาตัวเลือกที่เหลืออีกครั้ง

New Information
  • คำตอบส่วนใหญ่จะมาจากข้อมูลในบทความหรือคำถาม บางครั้งเท่านั้นที่คำตอบอาจจะเป็นข้อมูลใหม่ ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับบทความเลย (พบไม่บ่อยนัก)หรือ ที่ จะเป็นคำตอบอาจจะเป็นข้อมูลใหม่ ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบทความอยู่บ้าง
The argument above is dependent upon which of the following assumptions?
A.) Scientists have used Charles’s Law to interpret the relationship.

จากตัวอย่างหากเราไม่พบเรื่องเกี่ยวกับ Charles’s Law ในบทความก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะเลือกข้อนี้...

จะเหลือตัวเลือกที่เราคิดว่าจะถูกไว้ในใจเราอาจจะ 1-2 ตัว แล้วค่อยพิจารณาตัวเลือกที่เหลืออีกครั้ง


Key Words


  • มองหา Key Words ในตัวเลือกที่ตรงกับคำถาม... เช่น
Which of the following, if true, would best explain the reluctance of politicians
since 1980 to support this funding?

“since 1980”เป็น Key Word ซึ่งคำตอบในตัวเลือกอาจจะมีลักษณะเช่น..“since 1980, politicians have...”


Valid of Information


  • อย่ามองข้ามข้อมูล หรือประโยค เล็ก ๆ น้อย ๆ ในบทความซึ่งอาจจะช่วยให้เราตอบคำถามได้ถูกต้อง
...โดยเฉพาะหากเจอตัวเลือกที่ดูเหมือนจะไม่เกียวกับบทความ ข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบทความจะช่วยเราในการตัดสินใจได้ว่า คำตอบนั้นเกี่ยวกับบทความหรือไม่....

....

บางทีเขียนเองอ่านยังงงนะคะ ขออภัยที่สื่อไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ ลองกลับไปอ่านภาษาอังกฤษ และทำข้อสอบจะช่วยให้เข้าใจเทคนิคพวกนี้ดีขึ้นนะคะ....ใครไม่มีไฟล์นี้ขอได้ค่ะ

Saturday, July 21, 2007

เคล็ดลับ IELTS - The Reading Module 3

มาต่อในส่วนของ Reading กันนะคะ..

Fact / Opinion

  • เมื่อคำถามถามถึงข้อเท็จจริง หรือข้อคิดเห็นอะไรบางอย่าง ในส่วนของตัวเลือกหากพบว่า มีคำที่มีลักษณะกำกวม ไม่ได้ตอบตรง ๆ ให้ลองกลับไปดู Context ในบทความนั้น ๆ เช่น
ถ้าในบทความเขียนว่า “The scientist found that the eye reacts quickly to change in light.”
ในตัวเลือกที่แสดงความคิดเห็นอาจจะมีคำว่า thought, believed,
understood, wished. ปรากฏอยู่

Example: “He thought the Yankees should win the World Series.”


Opposites

คำถามในลักษณะที่หาบทสรุป..หรือใจความสำคัญ
ตัวเลือกบางข้อจะมีลักษณะที่มีความหมายตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง..
ซึ่งหากเจอตัวเลือกลักษณะนี้มักจะมีอันหนึ่งเ็ป็นข้อที่ถูกต้อง..ให้ลองพิจารณาความหมายของมันให้ดี ๆ

ตัวอย่างเช่น

A.) if other factors are held constant, then increasing the interest rate will lead to
a decrease in housing starts
B.) if other factors are held constant, then increasing the interest rate will lead to
an increase in housing starts

ตัวอย่างอีกข้อ...ของตัวเลือกที่มีความหมายตรงข้ามกัน...

A.) if other factors are held constant, then increasing the interest rate will lead to
a decrease in housing starts
B.) when there is an increase in housing starts, and other things remaining equal,
it is often the result of an increase in interest rates


Make Predictions

เมื่ออ่านบทความ และคำถามแล้ว ให้ลองเดาคำตอบในใจดูก่อน....แล้วค่อยดูตัวเลือกว่ามีคำตอบนั้นหรือไม่ เพราะสมองเรายังคงจำบทความได้ดี ทำให้มีโอกาสตอบถูกได้มาก....
เพราะบางทีหากอ่านตัวเลือกทั้งหมด(ที่เค้าตั้งใจทำไว้หลอกเรา)ก่อน ทำให้สมองเราสมาธิกระเจิงได้ ...ซึ่งส่วนใหญ่หากเราเข้าใจบทความดี เราก็จะพบคำตอบที่เราเดาไว้ในใจในตัวเลือก.....อยู่แล้ว...


...

เคล็ดลับ IELTS - The Reading Module 2

Paragraph Focus

ให้ความสำคัญกับประโยคแรก ๆ ในแต่ละย่อหน้าเพราะมักจะมี ใจความสำคัญ (Main Idea) ของแต่ละย่อหน้าอยู่ใน Paragraph แรก ๆ ซึ่งหากเราจำได้ว่า แต่ละย่อหน้าเกี่ยวกับเรื่องอะไร เวลาอ่านคำถาม จะสามารถทำให้เราหาคำตอบได้เร็วขึ้น

บางทีคำุุุถามอาจจะถามถึงใจความหลักของทั้งบทความ ซึ่งอาจจะมาจากใจความหลักในแต่ละย่อหน้า...เช่น

คำถาม ถามว่า : What is the main idea of the passage?

จากคำถามให้พิจารณาดูคำตอบ แต่ละข้อ และดูว่าคำตอบนั้นเกี่ยวข้องกับย่อหน้าไหนบ้าง คำตอบที่ถูกต้อง คำตอบที่ไม่ถูกมักจะมีใจความหลักไม่ครบถ้วน เป็นแค่ใจความหลักในแต่ละย่อหน้าแต่ไม่ใช่ทั้งบทความ

Eliminate Choices

ตัวเลือกบางตัวอาจจะสามารถตัดออกได้เลยทันที ถ้าเห็นว่า ไม่เกี่ยวข้องกับบทความนั้น ๆ

เมื่อเจอคำถามในลักษณะ เช่น
the passage indicates all of the following EXCEPT ให้ลองดูตัวเลือกทีละข้อ และกวาดตาดูในบทความ ถ้าข้อใดอยู่ในบทความให้ตัดออกทันที


เมื่อเจอคำถามเช่น “which answer choice does NOT describe?” หรือ “all of the following answer choices are identifiable characteristics, EXCEPT which?”
ให้ลองดูตัวเลือกที่คล้าย ๆ กันก่อนค่ะ พราะหนึ่งในตัวเลือกนั้น อาจจะเป็นคำตอบที่ถูกด้ และถ้ามีสองตัวเลือกที่มีหมายหมายเดียวกัน...ทั้งคู่อาจจะไม่ใช่คำตอบ สามารถตัดสองตัวเลือกนี้ทิ้งได้ทันทีค่ะ ตัวอย่างเช่น
A.) changing values and attitudes
B.) a large population of mobile or uprooted people

คำตอบสองข้อนี้จะคล้ายกัน เนื่องจากได้อธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมเช่นเดียวกัน ดังนั้นหากคำถามลักษณะเช่นที่กล่าวมา ถ้าว่าข้อใดไม่ใช่ลักษณะของการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม เราอาจจะตั้ดทั้งสองตัวเลือกนี้ทิ้งได้....

Contextual Clues

คำตอบในตัวเลือกบางข้ออาจดูเหมือนใช่แต่ก็ไม่ใช่คำตอบถูกต้อง...
เราต้องสังเกตจากคำหรือประโยคแวดล้อมอื่น ๆ ด้วย (contextual clues)
ซึ่งจะช่วยให้เราหาคำตอบที่ถูกต้องที่สุดได้...

เมื่อเจอคำถามให้ตีความประโยคในบทความ ให้เราย้อนไปดูประโยคนั้น ๆ ในบทความเพื่ออ่านประโยคแวดล้อม...แล้ว กลับไปดูตัวเลือกที่คล้ายกับคำถามหรือมี Key Words ปรากฏ เช่น

In the passage, what is implied by the phrase “Churches have become more or less part of the furniture”?

ดูตัวเลือกที่มีคล้ายหรืออธิบายเกี่ยวกับ
part of the furniture

"Part of the furniture” ในที่นี้จะมีความหมาย หรือใกล้เีคียงกับ fixed, immovable, set in their ways. มองหาคำที่มีความหมายคล้าย ๆ กันแบบนี้ในตัวเลือกแต่ละข้อ

ตอนที่ทบทวนเรื่องคำศัพท์ที่ใช้ในการสอบ IELTS คงจะได้ทวนคำที่มีความหมายคล้าย ๆ กันในกลุ่มเดียวกันอีกรอบนะคะ.....

....

Friday, July 20, 2007

เคล็ดลับ IELTS - The Reading Module 1 -Skimming

Reading Module จะมีคำถามประมาณ 40 ข้อ แบ่งเป็น 3 บทความ แต่ละบทความมีความยาวประมาณ 2,000-2750 คำ

Skimming

  • สิ่งแีรกที่เราต้องทำคือการหาหัวข้อ ใจความสำคัญของบทความ (topic of selection) โดยการอ่านแบบผ่านตาเร็ว ๆ (Skimming) ลองหยุดอ่านที่ประโยคแรก ๆ ของแต่ละย่อหน้า ซึ่งมักจะเป็น Main Topic sentence และสรุปใจความหลัก ๆ ของย่อหน้านั้น ๆ

  • คำถามแต่ละข้อมักจะบอกเป็นนัย ๆ ว่าเราจะหาคำตอบได้จากที่ไหนบ้าง (การอ่านคำถามก่อนก็จะช่วยให้เราหาคำตอบได้ไวขึ้น) เวลาค้นหาคำตอบ อย่าสุ่มในในบทความ ให้ลองพิจารณา Key word ที่ปรากฏในคำถาม ที่จะนำไปสู่คำตอบได้ และกลับไปดูที่บทความ มองหา Keyword นั้น ๆ จากบทความ (Keyword มักจะเป็น nouns, verbs, numbers, phases) ยกตัวอย่าง เช่น
What caused Martin to suddenly return to Paris? คำหลักคือ Paris ให้มองหาคำว่า Paris ในบทความ...แล้วคุณอาจจะพบคำตอบใกล้ ๆ แถวนั้น
    • ในบางครั้งเราอาจจะไม่เจอ Key word นี้ในบทความเลยค่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ต้องตีความคำถาม และหา Key word ที่ใกล้เคียงกับความหมายนั้น ๆ เช่น
Which of the following was the psychological impact of the author’s childhood upon the remainder of his life?
Key words คือ “childhood” or “psychology”. เราอาจไม่เจอคำนี้ลองหาคำอื่นที่ใกล้เคียงเช่น “emotional effect” หรือ “mentally” แทนดูค่ะ
    • บางทีพวกตัวเลข หรือ ปี สามารถเป็น Key word ที่ดี และสามารถกวาดสายตาหาได้ง่าย ตัวอย่าง เช่น
Which of the following best describes the influence of Monet’s work in the 20th century?
ใช้ 20th เป็น Key word ในการหาคำตอบจะหาเจอได้ง่ายขึ้นค่ะ.
  • เมื่อเจอย่อหน้าที่จะเป็นคำตอบแล้วให้พยายามตีความให้เข้าใจและกลับไปดูที่ตัวเลือกอีกครั้ง....
  • ระวังตัวเลือกที่จะหลอกเราด้วยค่ะส่วนใหญ่คำตอบจะไม่ได้เป็นประโยคตรง ๆ เหมือนในบทความเราต้องตีความค่ะ
  • เมื่อเราได้คำตอบแล้ว ลองอ่านดูให้ดี ๆ อีกครั้งว่าคำตอบนั้นตอบคำถามจริง ๆ รึเปล่า หรือบางทีอาจจะมี 2 ตัวเลือก ที่ดูเหมือนจะถูกทั้งคู่ ให้เืลือกคำตอบที่ตรงที่สุดค่ะ
  • คำถามบางข้อ จะไม่มี Key Word เช่น
Which of the following would the author of this passage likely agreewith?
กรณีนี้ให้เรามองหา Key Word ในตัวเลือกก่อน และลองกวาดตาดู Key Word ของตัวเลือกนั้น ๆ ในบทความอีกที จะช่วยได้ให้ประหยัดเวลา และช่วยตัดตัวเลือกที่ไม่ใช่ออกได้ค่ะ...

-----

เคล็ดลับ IELTS - The Listening Module

ใน Listening Module จะมีประมาณ 40 ข้อ โดยแบ่งออกเป็น 4 Section ย่อย..

  1. Social Needs - บทสนทนาทั่วไประหว่างคนสองคน
  2. Special Needs - ฟังคำบรรยาย (Speech) ของคน 1 คน
  3. Educational or Training - การพูดคุย...ในกลุ่มคนประมาณ 3-4 คน
  4. Educational or Training - ฟังคำบรรยาย (Speech) ของคน 1 คน
เคล็ดลับการฟัง.....

Main Idea
  • หา Main Idea ของการสนทนาแต่ละครั้ง สังเกตได้จากคำไหนที่มีการพูดซ้ำบ่อย ๆ ในทุก ๆ ประโยค หรือ ทุกคนที่พูด...คำนั้นจะอยู่ใน Main Idea ของบทสนทนา ยกตัวอย่าง ในบทสนทนาที่เกี่ยวข้อกับ class size ใน business department of a college จะมีคำว่า
    “class size” ปรากฏอยู่ในบทสนทนาแต่ละครั้ง หรือแต่ละคนที่พูด
Voice Change
  • สังเกต การเปลี่ยนแปลง หรือความแตกต่างของ โทนเสียงในระหว่างการสนทนา เพราะแสดงว่า มีปฏิกิริยาอะไรบางอย่างต่อคนพูด เช่น รู้สึกตื่นเต้น , แปลกใจ , เห็นใจ, เสียใจ หรือแสดงอารมณ์ต่าง ๆ เช่น ระหว่างการสนทนา ซึ่งมีน้ำเสียงปกติ อยู่ ๆ มีคนหนึ่งทำเสียงสูงแสดงความแปลกใจ ให้เราพยายามตั้งใจฟังความหมายต่อไปว่าเป็นเรื่องอะไร เพราะมักจะเป็นประเด็นสำคัญที่ใช้ในการตอบคำถามได้ เช่น
Man: Let’s go to Wal-mart.
Woman: There’s a Wal-mart in this small town? (เสียงสูง)

ซึ่งหมายถึงผู้หญิงอาจจะไม่คาดหวังว่าในเมืองนี้มี Wal-mart

Specific
  • ตั้งใจฟังข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงบางอย่าง พวก Adjective เช่น จำนวน, สี, ขนาด เพราะมักจะนำมาตั้งคำถามบ่อย ๆ เช่น
Man: Let’s go to the store and get some apples to make the pie.
Woman: How many do we need?
Man: We’ll need five apples to make the pie.

คำถามก็มักจะถามจำนวน Apple ว่าต้องใช้กี่ผล


Interpret
  • ลองตีความหมายจากบทสนทนา มากกว่าการแปลความจากบทสนทนาโดยตรง เช่น
Woman: I think I’m sick with the flu.
Man: Why don’t you go see the campus doctor?

ตัวอย่างคำถาม
Why did the man mention the campus doctor?
Answer: The campus doctor would be able to determine if the woman had the flu.



Find the hidden meaning

  • พยายามหาความหมายที่ซ่อนอยู่ในบทสนทนา เมื่อมีบทสนทนาที่มีคำถามเกิดขึ้น คนตอบ อาจจะไม่ได้ตอบตรง ๆ ยกตัวอย่าง เช่น
Man: Are you going to be ready for your presentation?
Woman: I’ve only got half of it finished and it’s taken me five hours just to do this
much. There’s only an hour left before the presentation is due.

ทีแรกดูเหมือนผู้หญิงจะไม่ได้ตอบคำถามผู้ชาย...แต่เมื่อลองดูความหมายลึก ๆ แล้วจะเข้าใจได้ว่า ผู้หญิงบอกว่า เหลือเวลาแค่ 1 ชั่วโมง ทำได้แค่ครึ่งเดียว ซึ่งครึ่งหนึ่งใช้เวลา 5 ชั่วโมง แปลความได้ว่า เตรียมตัวไม่ทันนั่นเอง....


Memory enhancers


  • ในระหว่างฟัง ให้จดโน๊ต สั้น ๆ ลงกระดาษที่เค้าแจกให้ โดยจดโน๊ต ข้อมูลที่จำยาก ๆช่นพวก จำนวน สี ขนาด ชื่อคน คำอธิบายสั้น ๆ ซึ่งวิธีนี้ จะช่วยได้เยอะเลยค่ะ เวลาตอบคำถาม (เพราะอย่าลืมว่า ฟังได้แค่รอบเดียว ไม่มีฟังซ้ำนะคะ) ตัวอย่างเช่น
Speaker 1: I’m Bob Thomas, and I’m majoring in business development.
Speaker 2: I’m Matt Smith, and I’m majoring in chemical engineering.
Speaker 3: I’m John Douglass, and I’m majoring in speech therapy.

ในการจดโน๊ตของเราอาจะเป็นแบบนี้ค่ะ...
Bob – Bus.
Matt – Chem. E
John – Sp. Th.

ซึ่งอาจจะช่วนทวนความจำได้กรณีที่มีคำถามเกิดขึ้น...แต่ อย่า มัวแต่ตั้งใจจดโน๊ต จนลืมฟังใจความสำคัญต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนะคะ.....ให้จด เพื่อช่วยจำข้อมูลที่จำยาก...ไม่ใช่จดทุกอย่างที่ได้ยิน ...ค่ะ

Thursday, July 19, 2007

เคล็ดลับ IELTS 4 – Prepare, Don’t Procrastinate

เคล็ดลับที่ 4 – Prepare, Don’t Procrastinate

เตรียมตัวให้พร้มอย่าผลัดวันประกันพรุ่งนะคะ...

หากเราสอบ IELTS สามครั้งคะแนนที่ออกมาก็จะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัย และสภาวการณ์ ณ ตอนนั้น ๆ ความพร้อมในการเตรียมตัวของเรา หรือบางครั้งข้อสอบครั้งที่เราทำได้คะแนนเยอะนั้นเป็นแบบที่เราถนัด (ง่ายกว่าครั้งอื่น ๆ)

จริงอยู่ที่เราสามารถจะสอบซ้ำได้อีกถ้าคะแนนไม่ดีแต่อย่าลืมว่า จะต้องรออย่างน้อย 3 เดือนจึงจะมีสิทธิ์สอบได้อีกครั้งเพราะฉะนั้น เตรียมตัวให้พร้อม ทำให้ดีในครั้งแรก ครั้งเดียวเลยดีกว่าค่ะ ไม่ต้องเสียสตังค์ไปลองข้อสอบถึงสนามจริง แค่หาตัวอย่างข้อสอบมาหัดทำดู หลาย ๆ รอบ และทำให้ได้คะแนนสูง ๆ ทีเดียวเลยค่ะ (ไม่ต้องเสียสตังค์เพิ่มด้วย 5700 บาทต่อการสอบแต่ละครั้งนะคะ )


ในหัวข้อต่อไปจะพูดถึงการเตรียมตัวในแต่ละ Module ที่จะสอบกันนะคะ....

...

เคล็ดลับ IELTS 3 - Practice smarter not harder

อ้างอิงจาก IELTS Secrets Your Key to IELTS Success
ต่อจากตอนที่แล้วค่ะ

เคล็ดลับที่ 3 - Practice smarter not harder

วิธีการเตรียมตัวสอบ...อย่างฉลาด ไม่ต้องหักโหมทำ้ข้อสอบ..เค้าแนะนำให้ทำตามขั้นตอนแบบนี้ค่ะ
  1. หาข้อสอบ IELTS ดี ๆ เอาไว้ฝึกทำ เช่นของ Cambridge Practice Test
  2. หรือถ้าเรามีเวลาเตรียมตัวนาน ๆ หาซื้อคู่มือที่มีคำอธิบายที่เป็น Study Guide เก็บไว้
  3. การฝึกทำข้อสอบครั้งแรก.....ใช้เวลาให้เต็มที่ และเปิดเอกสาร คู่มือทุกอย่าง (Open book) พยายามนำเคล็ดลับ กลยุทธ์การทำข้อสอบ ใช้กับการทำข้อสอบครั้งนี้ให้เต็มที่
  4. ในการฝึกทำข้อสอบครั้งที่ 2 ...คราวนี้ ให้จำกัดเวลา ตามที่ใช้ในการสอบจริงในแต่ละ Part ค่ะ แต่ก็ยังสามารถเปิดหนังสือ ทุกอย่างได้เช่นเคย (Open book)
  5. ในการฝึกทำครั้งสุดท้าย...คราวนี้ทั้งจำกัดเวลาด้วย และห้ามเปิดเอกสาร ตำรา ทุกอย่าง (Closed book)
ซึ่งถ้าใครมีเวลาเตรียมตัวมาก ก็ให้ทำซ้ำตามขั้น 3-4-5 ที่กล่าวมาค่ะ ถ้าใครฝึกฝนตามขั้นตอนแบบนี้จะช่วยให้รู้สึกคุ้นเคยกับการทำข้อสอบในสภาวการณ์จริง เวลาสอบจริงจะไม่กดดันและช่วยได้เยอะค่ะ....

เคล็ดลับ IELTS 2 - Guessing is not Guesswork

อ้างอิงจาก IELTS Secrets Your Key to IELTS Success
ต่อจากตอนที่แล้วค่ะ

เคล็ดลับที่ 2 - Guessing is not Guesswork

เดาผิด ไม่มีติดลบนะคะ...แถมมีโอกาสได้คะแนนถึง 20%-25% เลยทีเดียว (กรณี Choice)
การเดาที่จะมีโอกาสได้คะแนน ต้องมีเทคนิคหน่อยค่ะ...

เมื่ออ่านโจทย์ ดูตัวเลือกแล้วให้พยายามหาตัวเลือกที่ไม่น่าจะใช่มากที่สุดตัดออก (ตัดออกตามแนวคิดแบบ $5 Challenge ที่ตำราเค้าว่าไว้ค่ะ คืออันไหนที่เราสามารถพนันกับเพื่อนได้ด้วยเงิน $5 ว่าไม่ใช่คำตอบแน่นอนให้ตัดทิ้งทันที จะทำให้เรามีโอกาสถูกมากขึ้นในคำตอบที่เหลือ...แต่ถ้าบังเอิญเกิดตัดคำตอบที่ถูกทิ้งตั้งแต่แรก...โอกาสก็
ก็จะเป็น 0 เลยค่ะ แต่ถ้าเสี่ยงโอกาสได้คะแนนก็มีมากค่ะ) .....หลังจากนั้นก็ใช้...

เทคนิคการเดาแบบเฉพาะเจาะจง (Specific Guessing Technique) ไม่ทราบแปลถูกรึเปล่านะคะ ...แปลตรงตัวเลยค่ะ

1. ให้เลือกคำตอบที่ฟังดูเหมือนมีหลักเกณฑ(Scientific sound) มากกว่าคำตอบแบบกว้าง ๆ ทั่วไป เช่นจากตัวอย่างด้านล่าง ข้อ A เป็นคำตอบที่ถูกต้อง

A. To compare the outcomes of the two different kind of treatment.
B. Because some subjects insisted of getting one or the other of the treatments.

2. หลีกเลี่ยงคำตอบที่ดูเหมือนมีแนวคิดโต้แย้งสุดโต่ง (Wild answers, controversial ideas - ขออภัยหากแปลไม่สื่อนะคะ....) เช่นตัวอย่าง ข้อ A ดูมีความคิดเห็นซึ่งรุนแนง และข้อนี้ก้อผิดค่ะ ข้อที่ถูกคือ B

A. ฺัBypass surgery should be discontinued completely
B. Medication should be used instead of surgery for patients who have not had a heart attack if they suffer from mild chest pain and mild coronary artery blockage.

3. คำตอบที่ีความคล้ายคลึงกันแต่ความหมายตรงกันข้าม หนึ่งในนั้นมักจะเป็นคำตอบ ...และคำตอบที่มีลักษณะเป็น family คล้ายๆ กันมักจะมีรูปแบบลักษณะนี้ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถตัดคำตอบที่ ไม่ใกล้เคียงกันออกไปได้เช่น...

A. ฺัPlan I or Plan II can be conducted at equal cost.
B. Plan I would be less expensive than Plan II
C. Plan II would be less expensive than Plan I
D. Neither Plan I nor Plan II would be effective

จากตัวอย่าง ตัวเลือก B และ C มีรูปแบบคล้ายกันมาก..แต่ตัวเลือก A ก็มีลักษณะคล้ายเช่นกันแนวทางการตอบ แต่ D คนละรูปแบบ เพราะฉะนั้นตัวเลือก D น่าจะเป็นตัวแรกที่ตัดออก

4. เมื่อมีการถามคำถามแบบให้สรุปบทความ...ใจความ
...ให้หลีกเลี่ยงคำตอบที่ดูเหมือน
จะเป็นกลลวง
.เช่นประโยคทีมีคำว่า....such as, likely, may,
can, will often, sometines, etc, often, almost, mostly, usually, rarely, sometimes. หรือตัวเลือกที่มีคำเจาะจงชัดเจน เช่น "exactly", "always"


หากใช้เทคนิคตัดคำตอบที่ไม่น่าจะใช่ออก....($5 Challenge)
แล้วนำเทคนิคการเดาแบบเฉพาะเจาะจงสี่ข้อด้านบนมาใช้แล้ว
....ยังเหลือคำตอบที่ไม่แน่ใจ.
...ให้เลือกเดาคำตอบแรกเลยค่ะ...โอกาสถูกจะสูง...
(ตำราเค้าว่าไว้ค่ะ..ไม่ได้มั่วเองนะ)

----

สงสัยว่าเคล็ดลับข้อสองนี้จะได้ใช้บ่อยทีุ่สุดแน่ ๆ เลยค่ะ... (^-^)/

เคล็ดลับ IELTS 1 - Time is your Greatest Enemy

เคล็ดลับ IELTS ได้มาจากการอ่าน IELTS Secrets Your Key to IELTS Success ซึ่งเป็นการแนะแนววิธีการเตรียมตัวสอบ IELTS ที่เค้าบอก(อ้าง)ว่ามีงานวิจัย รองรับว่าหากทำตามเคล็ดลับที่บอก คะแนนพุ่งขึ้นแน่นอน.....


เคล็ดลับที่ 1 - Time is your Greatest Enemy

ยุทธวิธีในการจัดการเรื่องเวลาทำข้อสอบสำคัญมากค่ะ เนื่องจากในแต่ละ Part จะจำกัดด้วยเวลาซึ่งโดยเฉลี่ย...

  • Listening จะมีเวลาข้อละประมาณ 0.75 นาที (มีประมาณ 40 ข้อ 30 นาที)
  • Reading จะมีวลาข้อละประมาณ 0.67 นาที (มีประมาณ 40 ข้อ 60 นาที)
  • Writing จะมีวลาข้อละประมาณ 30นาที (มี 2 ข้อ 60 นาที)
  • Speaking จะมีวลาข้อละประมาณ 11-15 นาที
จะต้องบริหารเวลาให้เพียงพอที่จะทำให้ครบทุกข้อ....จึงจะมีโอกาสได้คะแนนสูง ๆ และจำไว้ว่าข้อสอบไม่ได้เรียงตามความง่าย ยาก หากพลาดข้อง่าย ซึ่งเป็นข้อที่เราทำไม่ทันจะเสียโอกาสมาก ๆ ค่ะ....
ข้อไหนง่ายให้รีบทำ จะได้เผื่อเวลาำสำหรับข้อยาก ๆ ....

  1. พกนาฬิกาติดตัวทุกครั้งเมื่อทำข้อสอบ หมั่นตรวจสอบว่าเราทำได้ตามเวลาที่กำหนด หากพบว่าทำช้ากว่าที่คาดไว้ ให้รีบ ๆ ทำ แม้ว่าอาจจะทำให้พลาดได้ แต่ก็ดีกว่าทำไม่ทันในข้อที่เหลือ...
  2. หากอยู่ในสถาณการณ์ที่ต้องเร่งทำเพราะเวลาเหลือน้อยถ้าเป็นตัวเลือก..อย่าเดานะคะ ให้ลองหาตัวเลือกที่ผิดตัดออกก่อนแล้วค่อยเลือกข้อที่คิดว่าน่าจะถูก เดี๋ยวพอเหลือเวลาค่อยกลับมาดูอีกที...
  3. อย่าจดจ่ออยู่กับข้อที่ยาก นาน ๆ เพราะโอกาสทำผิดก็สูงอยู่ดี ข้ามไปทำข้ออื่นก่อน แล้วถ้าเวลาเหลือค่อยกลับมาดูข้อนี้ดีกว่าค่ะ...
  4. ถ้ารู้ตัวว่าทำเร็วกว่าเวลาที่กำหนด ก็ชะลอความเร็วลงหน่อยค่ะ เพราะทำเร็วไปอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาด เล็ก ๆ น้อย ๆ ได้
  5. สำหรับการอ่านบทความในส่วน Reading ไม่ต้องอ่านให้เข้าใจจนหมด..ให้ อ่านคร่าว ๆ ให้พอรู้ใจความหลัก ๆ เพราะเวลาเจอคำถาม ต้องกลับมาอ่านใหม่...อยู่ดีค่ะ
.....

IELTS

ในที่สุดก็ตั้งใจที่จะเริ่มเตรียมสอบภาษาอังกฤษซะทีค่ะ...หลังจากผลัดมาอยู่นาน...ระหว่าง TOEFL และ IELTS คงจะต้องเลือกที่จะเริ่มซักตัวหนึ่งและสุดท้ายก็ตัดสินใจได้ว่าจะเลือกสอบ IELTS นี่ล่ะค่ะ

ส่วนคะแนนที่ตั้งไว้คงจะสูงซักหน่อย...แต่ก็ตั้งใจว่าจะลองดูค่ะ เต็มที่แล้ว ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ^-^

...ก่อนจะเผชิญกับอะไรเราก็ต้องศึกษาทางหนี ทีไล่กลยุทธในการต่อกรกับมันซักหน่อย...จึงต้องหาเคล็ดลับแนวทางสอบ ซะแต่เนิ่น ๆ (อีกสามเดือนตั้งใจจะสอบค่ะ- ไม่เนิ่นเท่าไหร่แล้วนะเนี่ย)

และด้วยเหตุผลที่ตัวเองเป็นคนที่อ่านอะไรแล้วลืมง่าย ความจำสั้น (เหมือนปลา Dory ใน NEMO) จึงได้เกิด Blog นี้ขึ้นมาเพื่อเป็นบันทึกการเตรียมสอบ ของตัวเอง และอาจจะเป็นประโยชน์กับคนอื่น ๆ ได้บ้างไม่มากก็น้อย....

--------

รูปแบบการทดสอบ IELTS
จะแบ่งออกเป็น 4 ส่วน

1. Listening มี 4 Section 40 ข้อ เวลาประมาณ 30 นาที
2. Academic Reading หรือ/ General Training Reading มี -3 Section 40 ข้อ เวลาประมาณ 60 นาที
3. Academic Writing หรือ/ General Training Writing -มี 2 ชิ้น เวลาประมาณ 60 นาที
4. Speaking ประมาณ 10-15 นาที

ทีนี้ก็ลองเข้าไปหา Download ตัวอย่างข้อสอบมาเก็บไว้ได้เลยค่ะ ซึ่งใน Internet ก็มีที่ให้แอบ Download ฟรี ๆ เยอะเลยค่ะ ลองเข้าไปได้ที่...

http://artefact.lib.ru/languages/eng_textbooks_ielts.shtml

อย่าลืมเอา Disable Pop-up ออกชั่วคราวนะคะ ตัวที่นิยมคือพวกข้อสอบจาก
Cambridge Practice Tests 1-5 ค่ะ

----